รีวิวภาพยนตร์ The Pope's Exorcist (2023)

The Pope’s Exorcist (2023) เป็นภาพยนตร์ที่ดึงดูดผู้ชมด้วยพล็อตเรื่องที่เข้มข้นและบรรยากาศที่หลอนระทึก โดยภาพยนตร์เรื่องนี้มีรัสเซล โครว์ (Russell Crowe) รับบทเป็นคุณพ่อกาเบรียล อามอร์ธ (Father Gabriele Amorth) นักปราบผีที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในตัวแทนของวาติกัน ซึ่งภาพยนตร์นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของอามอร์ธที่เคยทำหน้าที่ปราบผีให้กับวาติกันมากกว่า 30 ปี

เนื้อเรื่อง

ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยการปูพื้นฐานเกี่ยวกับตัวละครของคุณพ่ออามอร์ธ ซึ่งเป็นบุคคลที่เต็มไปด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่นในหน้าที่ของตน แม้เขาจะเผชิญกับคำครหาและความสงสัยจากผู้อื่นก็ตาม เนื้อเรื่องหลักเกิดขึ้นเมื่อเขาได้รับมอบหมายให้เดินทางไปยังอิตาลีเพื่อตรวจสอบกรณีเด็กชายคนหนึ่งที่มีพฤติกรรมผิดปกติ ซึ่งครอบครัวของเด็กเชื่อว่าเขาถูกปีศาจเข้าสิง

ตัวหนังพาผู้ชมเดินทางเข้าสู่โลกของการปราบผีด้วยฉากที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและการเผชิญหน้ากับความลึกลับ ตัวละครต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ทำให้ผู้ชมตั้งคำถามถึงความเชื่อ ความดี และความชั่ว รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับอำนาจของศาสนาและความเชื่อส่วนบุคคล

การแสดงของนักแสดง

หนึ่งในจุดเด่นของ “The Pope’s Exorcist” คือการแสดงของรัสเซล โครว์ ที่สามารถถ่ายทอดความลึกซึ้งของตัวละครอามอร์ธออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โครว์แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ ปัญญา และความเปราะบางในตัวละครที่ต้องต่อสู้กับทั้งปีศาจภายนอกและภายในจิตใจของตัวเอง

นักแสดงสมทบ เช่น อเล็กซ์ เอสโซ (Alex Essoe) ที่รับบทเป็นแม่ของเด็กชาย และแดเนียล ซอวโต้ (Daniel Zovatto) ในบทบาทผู้ช่วยบาทหลวง ทั้งคู่สามารถเสริมสร้างอารมณ์ของหนังให้ลึกซึ้งและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น การแสดงของนักแสดงเด็กที่รับบทเป็นผู้ถูกสิงก็ถือว่าน่าประทับใจ ด้วยการแสดงที่สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวและความเจ็บปวดของตัวละคร

การกำกับและการดำเนินเรื่อง

จูเลียส เอเวอรี (Julius Avery) ผู้กำกับภาพยนตร์ สามารถสร้างบรรยากาศที่กดดันและน่าหวาดหวั่นได้อย่างดีเยี่ยม เขาใช้แสง เงา และมุมกล้องอย่างชาญฉลาดในการสร้างฉากที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้ายด้วยตัวเอง

แม้ว่าเนื้อเรื่องจะมีบางส่วนที่ดำเนินไปอย่างช้าๆ แต่หนังสามารถรักษาความน่าสนใจไว้ได้ด้วยการเปิดเผยปมเรื่องราวที่ค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อนและความตื่นเต้น การเชื่อมโยงระหว่างการปราบผีและประวัติศาสตร์ของวาติกันเป็นอีกหนึ่งจุดที่เพิ่มมิติให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้

ประเด็นทางศาสนาและปรัชญา

สิ่งที่น่าสนใจใน “The Pope’s Exorcist” คือการสำรวจประเด็นทางศาสนาและปรัชญาที่ซ่อนอยู่ในเรื่องราว เช่น การตั้งคำถามเกี่ยวกับพลังของศรัทธาและบทบาทของศาสนาในการเผชิญหน้ากับความชั่วร้าย ตัวละครของอามอร์ธไม่ได้มองว่าการปราบผีเป็นเพียงการต่อสู้ทางกายภาพ แต่ยังเป็นการต่อสู้ทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งอีกด้วย

ภาพยนตร์ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากับวิทยาศาสตร์ โดยมีการอภิปรายเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของสภาพจิตที่ผิดปกติและอิทธิพลของปีศาจ ซึ่งทำให้ผู้ชมต้องพิจารณาว่าเรื่องราวเหล่านี้ควรถูกมองในแง่ของความเชื่อหรือในมุมมองทางวิทยาศาสตร์

 

เทคนิคการสร้างภาพและเสียง

เทคนิคการสร้างภาพใน “The Pope’s Exorcist” นั้นยอดเยี่ยม ด้วยการใช้สเปเชียลเอฟเฟกต์ที่ทำให้ฉากการปราบผีดูสมจริงและน่าหวาดหวั่น การออกแบบฉากและเครื่องแต่งกายช่วยเสริมสร้างบรรยากาศที่เข้มข้นและสมจริง

ดนตรีประกอบของภาพยนตร์ช่วยเพิ่มความตึงเครียดและความน่ากลัวในแต่ละฉาก การเลือกใช้เสียงประกอบในช่วงเวลาสำคัญ เช่น เสียงกระซิบ เสียงหายใจ หรือเสียงกรีดร้อง ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ข้อดีและข้อเสีย

ข้อดี:

  1. การแสดงที่โดดเด่นของรัสเซล โครว์

  2. บรรยากาศที่น่าหวาดหวั่นและตึงเครียด

  3. ประเด็นทางศาสนาและปรัชญาที่ชวนให้ขบคิด

  4. เทคนิคการสร้างภาพและเสียงที่ยอดเยี่ยม

ข้อเสีย:

  1. การดำเนินเรื่องบางช่วงที่อาจช้าเกินไป

  2. บางฉากที่คาดเดาได้ง่าย

  3. การพัฒนาเรื่องราวรองที่อาจไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร

สรุปรีวิว

The Pope’s Exorcist (2023) เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานเรื่องราวของการปราบผีเข้ากับประเด็นทางศาสนาและจิตวิทยาได้อย่างลงตัว แม้ว่าอาจมีข้อบกพร่องเล็กน้อยในบางจุด แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจสำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวสยองขวัญและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและศรัทธา

ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมของรัสเซล โครว์ การกำกับที่สร้างบรรยากาศได้อย่างมีพลัง และการนำเสนอประเด็นที่ชวนให้ขบคิด “The Pope’s Exorcist” ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดในปี 2023 สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับความลึกลับของศาสนาและการต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่ว

คะแนน รีวิวจาก IMDb : 6.1/10

รีวิวจาก Rotten Tomatoes 80%